Finalgoal News3 หอกฟอร์มสด,ชัยชนะกดดันแมนซิตี้! 5 ข้อก่อนเกมลิเวอร์พูลดวลเวสต์แฮม
Finalgoal News: 3 หอกฟอร์มสด,ชัยชนะกดดันแมนซิตี้! 5 ข้อก่อนเกมลิเวอร์พูลดวลเวสต์แฮม
1. สามแข้งสำคัญหมดสิทธิ์ช่วยทีม
แมตช์นี้ ลิเวอร์พูล ต้องการขุมกำลังทุกคนเพื่อช่วยม แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่พวกเขาต้องหมดสิทธิ์ใช้งาน 3 นักเตะกำลังสำคัญอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ติอาโก้ อัลกันทาร่า และ โฌแอล มาติป ที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน บ้านผลบอล finalgoal
นอกจากทั้งสามคนแล้วนักเตะอย่าง เคอร์ติส โจนส์ กับ นาบี เกอิต้า ก็ยังต้องลุ้นว่าจะฟิตพร้อมช่วยทีมในการปะทะกับ "ขุนค้อน" หรือไม่ แน่นอนว่านี่คือปัญหาสำคัญที่ คล็อปป์ ต้องรับมือให้ได้ เนื่องจากสามแข้งหลักมีส่วนอย่างยิ่งกับผลงานชั้นยอดของทัพ "หงส์แดง" ในช่วงที่ผ่านมา
ฉะนั้นในแผงกองกลางแม้จะขาด ติอาโก้ แต่พวกเขายังมี ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นตัวหลัก และคาดว่าเจ้าหนู ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ น่าจะลงสนามเพื่อสร้างความจี๊ดจ๊าดให้กับทีม ส่วนคู่เซนเตอร์แบ็กคงเป็นโอกาสของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่จะได้เล่นร่วมกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ในส่วนของแนวรุกแม้ปัจจุบัน คล็อปป์ จะมีตัวเลือกเยอะก็ตาม ฉะนั้นการขาด ฟีร์มีโน่ อาจจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามหากมี "บ็อบบี้" อยู่ในทีม อย่างน้อยๆ ถ้า "หงส์แดง" ต้องการผู้เล่นที่จะสร้างความแตกต่างเขาสามารถทำหน้าที่นี้ได้
2. โรเบิร์ตสัน ผลงานเข้าฝัก, สามหอกฟอร์มสด
แอนดรูว์ โรเบิร์ตัส กลับมาทำผลงานได้อย่างท็อปฟอร์มหลังจากเริ่มต้นซีซั่นไม่ค่อยดีนัก โดยตอนนี้ฟอร์มการเล่นของเขามีอิทธิพลอย่างสูงในเกมรับและรุกของ "หงส์แดง" ทางฝั่งซ้าย โดย ดาวเตะเลือดวิสกี้ ต้องการแค่อีก 2 แอสซิสต์ก็จะทำให้เขาทำสถิติ 50 แอสซิสต์ให้กับ ลิเวอร์พูล บ้านผลบอล 888 สด
สำหรับผลงานในฤดูกาลนี้ "ร็อบโบ้" จัดไปแล้ว 9 แอสซิสต์ และซัดไป 1 ประตู ในขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำไป 10 แอสซิสต์กับ 2 ประตู ทำให้ตอนนี้สาวก "เดอะ ค็อป" หวนนึกถึงในซีซั่น 2019/2020 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ซึ่งทั้งสองคนทำแอสซิสต์รวมกันในลีกถึง 25 ครั้ง (เทรนต์ 13, โรเบิร์ตสัน 12)
ขณะเดียวตอนนี้หากจะพูดถึงแนวรุกคงไม่มีทีมไหนโหดเท่ากับ ลิเวอร์พูล อีกแล้ว โดยเฉพาะสามประสานที่ช่วยกันยิงประตูเป็นว่าเล่นทำให้พวกเขาครอง 3 อันดับดาวซัลโวประจำลีกในฤดูกาลนี้
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดไป 19 ประตู, ดีโอโก้ โชต้า 12 ประตู และ ซาดิโอ มาเน่ 11 ประตู ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้ "หงส์แดง" เป็นทีมที่ยิงประตูคู่แข่งมากที่สุดในลีกถึง 70 ลูก และมีผลต่างประตูได้เสียมากกว่าทีมไหน โดยเฉพาะกับ แมนฯ ซิตี้ คู่แข่งแย่งแชมป์ในฤดูกาลนี้
3. ระวัง โบเว่น อาจทำเจ้าบ้านน้ำตาร่วง
จาร์ร็อด โบเว่น เป็นนักเตะที่มีข่าวพัวพันกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปีที่ผ่านมา และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "หงส์แดง" จะสนใจ เพราะขนาด คล็อปป์ ยังออกปากยอมรับว่านี่คือนักเตะที่อันตรายและน่าเหลือเชื่อที่สุดของ "เดอะ แฮมเมอร์ส" บ้านผลบอล goal
ดาวเตะเลือดผู้ดี แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมเขาได้รับความสนใจจาก "หงส์แดง" เพราะหากพูดกันตามตรงฟอร์มการเล่นของนักเตะต้องบอกเลยว่าโดดเด่นไม่แพ้ เดแคลน ไรซ์ กองกลางเพื่อนร่วมสังกัดจริงๆ
โบเว่น ทำไปแล้ว 8 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ ในเกมลีกซีซั่นนี้ โดยเป็นรองแค่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (10), แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (9) และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (9) เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้แนวรับของเจ้าบ้านต้องระวังความคล่องแคล่ว, ปราดเปรียว, การผ่านบอลและการจบสกอร์ที่เฉียบคมให้ดีๆ
ในเกมลีกล่าสุดที่ทั้งสองทีมดวลกันในลอนดอน สเตเดี้ยม แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" คงได้เห็นความน่ากลัวของ แนวรุกวัย 25 ปี ไปแล้ว เพราะแมตช์นั้นเขาจัด 2 แอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีม พร้อมคว่ำ ลิเวอร์พูล ไปได้อย่างสุดยอด
4.ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ
ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล อยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงเหลือเกินเมื่อพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะ 11 แมตช์ติดต่อกันในทุกรายการ โดยหากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกพวกเขาเก็บชัยชนะติดต่อกัน 6 เกม ฉะนั้นในเวลานี้หากพูดถึงความมั่นใจแน่นอนว่า "หงส์แดง" มีเต็มถัง ตารางบอล
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ชนะ นอริช ซิตี้ ในเกมเอฟเอ คัพ ทำให้พวกเขาสร้างสถิติเทียบเท่ากับเมื่อปี 2007 (ชนะ 11 นัดรวด) และหากในเกม เวสต์แฮม สามารถคว้าสามแต้มได้นั่นจะทำให้ทีมทำสถิติใหม่ทันที ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 ที่พวกเขาชนะ 12 แมตช์ติดต่อกัน และยาวไปถึง 14 เกมรวมทั้งการคว่ำ "ขุนค้อน" ในนัดชิง เอฟเอ คัพ ด้วย
ในขณะที่ผลงานของ เวสต์แฮม ตอนนี้อยู่ในอาการผีเข้าผีออกบางเกมเล่นดีน่าใจหาย บางแมตช์แพ้ชนิดที่แฟนบอลยังงงว่าแพ้ได้ยังไง โดยฟอร์มในลีก 5 เกมหลังสุดพวกเขาเก็บชัยชนะได้แค่ 2 แมตช์เท่านั้น แถมในเกมล่าสุดก็แทบแย่กว่าจะเฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0
สำหรับในการพบกับ "หงส์แดง" งานนี้ทีมของเดวิด มอยส์ น่าจะพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง เพราะแมตช์แรกพวกเขาเปิดบ้านชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมัน แต่กระนั้นการมาเยือนแอนฟิลด์ชช่วงหลังๆ ก็ไม่ค่อยดีนักส่วนใหญ่จะแพ้ โดยแมตช์สุดท้ายที่พวกเขาบุกมาชนะเจ้าบ้านต้องย้อนไปในเกมลีกเมื่อปี 2015 เลยทีเดียว
กระนั้นเกมนี้มีความสำคัญกับ "เดอะ แฮมเมอร์ส" ไม่ต่างอะไรกับ ลิเวอร์พูล เพราะหากพวกเขาบุกมาคว้า 3 คะแนน นั่นจะทำให้ เวสต์แฮม แซง แมนฯ ยูฯ ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ชั่วคราว เพราะ "ผีแดง" มีคิวปะทะ แมนฯ ซิตี้ วันอาทิตย์ซึ่งเป็นเกมที่หนักหนาสาหัสเลยทีเดียว
5. สร้างแรงกดดันใส่แมนฯซิตี้
ลิเวอร์พูล ลงสนามก่อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่พวกเขาจะสร้างแรงกดดันใส่ "เรือใบสีฟ้า" ซึ่งมีคิวทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์นี้
สำหรับตอนนี้ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีแต้มนำ "หงส์แดง" 6 คะแนนแต่แข่งมากกว่า 1 แมตช์ฉะนั้นหาก ลิเวอร์พูล สามารถเก็บสามแต้มในแมตช์นี้ได้ นั่นจะทำให้พวกเขาลดความห่างเหลือ 3 แต้มเท่าเดิม แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือการโยนแรงกดดันใส่ แมนฯ ซิตี้ เต็มๆ
เพราะในเกมสุดสัปดาห์ถือว่าเป็นแมตช์สำคัญมากๆ เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับมือทีมของกุนซือราล์ฟ รังนิก ที่ตอนนี้ก็ต้องการเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเพื่อโอกาสคว้าท็อปโฟร์ ฉะนั้นนี่เป็นเกมที่ "ผีแดง" พร้อมสู้เต็มที่เช่นกัน
จะเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ มักจะออกอาการเป๋เวลาที่ต้องแบกรับแรงกดดัน ทั้งในแมตช์ที่แพ้ สเปอร์ส และเฉือน เอฟเวอร์ตัน แบบหืดจับ ฉะนั้นการที่ทีมโดน "เดอะ เร้ดส์" ไล่บี้หายใจรดต้นคออย่างต่อเนื่อง งานนี้อาจเห็นพวกเขาสะดุดอีกแมตช์ก็ได้
ทอมเม้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น