Finalgoal News: นัดชิงห้าดาววว! แชมป์ใบที่66ของหงส์!
Finalgoal News: นัดชิงห้าดาววว! แชมป์ใบที่66ของหงส์!
คาราบาว คัพ 2022 ยิ่งใหญ่เพราะสองสโมสรระดับทอปของโลก หลุดเข้ามาชิงชนะเลิศกัน เชลซี แชมป์ 5 สมัย ปะทะ ลิเวอร์พูล แชมป์ 8 สมัยครั้งล่าสุดที่เชลซีคว้าแชมป์คือปี 2015 ล่าสุดของลิเวอร์พูลคือ 2012 หรือทศวรรษที่แล้ว Finalgoal
ที่สำคัญนี่คือการดวลกันระหว่างสองโค้ชเยอรมัน บนแผ่นดินอังกฤษ
ชิงถ้วยที่ผู้สนับสนุนเป็นสินค้าไทย......
คาราบาว คัพ 2022 ทูเคิล vs คลอปป์
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ถ้วยนี้ที่โค้ชชาติเดียวกันมาชิงกันเอง
(จากออปต้า)
แทกติกสองโค้ช
เกมนี้...เรื่องของการจัดตัวน่าสนใจ
ทูเคิล จัดระบบ 3-4-2-1 ไม่เลือก เกปา ที่เล่นถ้วยนี้ทุกเกม เขาเลือก เมนดี เพราะมันคือนัดชิงชนะเลิศ และไว้ใจมากกว่า สามเซนเตอร์เป็น ชาโลบาห์ ที่ยืนทางขวา ติอาโก และ รือดิเกอร์ ส่วนวิงแบกเน้น ประสบการณ์ เพราะ รีส เจมส์ ยังไม่พร้อม มีชื่อสำรอง อัสปิลิกวยต้า ลงกับ อลอนโซน แดนกลาง โควาสิชกับ ก็องเต้ ส่วนตัวทำ พูลิสิช, เมานต์ และ ฮาแวร์ตส์ บ้านผลบอล finalgoal
คลอปป์ ยึดมั่นกับ 4-3-3 เขายังคงให้ความไว้วางใจ เคลละเฮอร์ เฝ้าเสาเพราะเล่นถ้วยนี้ประจำ แบ๊กโฟร์ชุดใหญ่ เทร้นต์, มาติป, ฟาจไดจ์, รอบโบ แดนกลาง เกอิต้า แทน ติอาโก ที่มีชื่อแต่ตอนวอร์มดันเจ็บโชคร้ายอดเล่นนัดชิง ส่วน เฮนโด, ฟาบินโญ ตัวทำก็ ซาลาห์, มาเน และดิอาส
ครึ่งแรก...สนุก แต่เชลซีน่ายิงได้
เป็นเกมครึ่งแรกที่สนุกมากตามแทกติกที่แตกต่างของสองทีม โอเค เชลซี เปิดตัวได้น่ากลับในสิบนาทีแรก มีโอกาสสกอร์นำก่อน จาก พูลิสิช นาทีที่ 6 แต่ดันแปไปตรงเข่า เคลละเฮอร์ สร้างความมั่นใจให้เด็กหนุ่มหงส์แดง ทว่าจากนั้น....ลิเวอร์พูลเริ่มคุมเกมรุกมากขึ้น แม้โดนเพรสแดนสองและสาม แต่บอลออกข้าง รอบโบ กับ เทร้นต์ เดินเกมได้ เท่ากับแดนกลางไม่ต้องพะวงมาก สร้างโอกาสจนได้ เมื่อ เกอิตา ยิงแถวสอง เมนดี้ ปัดมาเข้าทาง มาเน ที่ยิงไม่เด็ดขาดเอง โอเค จังหวะนี้ เมนดี ถือว่าปฏิกริยาดีมาก แต่ มาเน ควรเฉียบขาดกว่านี้ เพราะระยะสองหลา เท่านั้นเอง จังหวะนั้นนาทีที่ 30
อย่างไรก็ตาม....เชลซี มีโอกาสทองจากเกมสวนกลับที่....เมสัน เมานต์ แประยะ 7 หลาหลุดกรอบเฉยเลย
บ้านผลบอลภาษาไทย แน่นอนครึ่งแรกหงส์แดงพยายามคอนโทรลเกม เพื่อลุย แต่เชลซี ตั้งมั่นรอหงส์พลาด ทั้งการส่งบอลเสีย หรือสกัดบอลได้ เล่นบอลสองเพื่อสวนกลับ ซึ่งทำได้ และเกือบได้ประตูจาก เม้านต์
ครึ่งหลัง....ไม่คมกันเอง
วิธีการเล่นหรือเกมแพลนของสองทีมมีความแตกต่างอยู่แล้ว ในขณะที่ลิเวอร์พูลพยายามครองบอลเล่นโจมตี เชลซี รอจังหวะสวนกลับเปลี่ยน transotion ของเกมตลอดเวลา ทั้งแดนสอง และหน้าเขตโทษตัวเองที่ลิเวอร์พูลพลาด การแทงบอลแนวลึก, การวางบอลยาว ตลบหลังหงส์แดง ทำได้ดี แม่น และหาโอกาสสกอร์ โดยเฉพาะจังหวะที่ เม้านต์ หลุดเดี่ยว สี่แบกโฟร์ ที่ เทรนต์ไม่ยอมตามประกบ ทั้งที่เห็น เม้านต์ วิ่งสอดจากแถวสอง แล้วหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง ผ่าน เคลละเฮอร์ โชคร้ายบอลชนเสาเหลี่ยมนอก บอลไม่ผ่านข้ามเส้นแต่ออกไปทางเสาสอง....
หงส์แดงรอดพ้นการเสียประตู.....
เช่นเดียวกันกับจังหวะ ซาลาห์ เดี่ยวเข้าไปชิพข้ามตัว เมนดี และ ดิอาส หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติด เมนดี อีก.....
เกมนั้นตื่นเต้น มีโอกาสสกอร์กันอยู่เรื่อยๆทั้งสองฝั่ง จนถึงจังหวะ ลิเวอร์พูล โหม่งขึนนำ จากการเล่นฟรีคิกลูกสูตร เทรนต์ เปิดให้ มาเน โขกตกพื้นย้อนไปเสาแรก มาติป โหม่งเสนยตุงตาข่าย...แต่ สจวร์ แอตเวลล์ เช็ค ทีมวีเออาร์ เช็คแล้วพบว่า ฟานไจด์ ล้ำหน้าแล้วมีส่วนกับเกมคือ ไปกีดกัน รีส เจมส์ จนถอยมาป้องกัน จังหวะ มาเน ไม่ได้ ทำให้ลิเวอร์พูลไม่ได้ประตูขึ้นนำ น.69 บ้านผลบอล goal
ชัดเจนเหลือเกินว่าครึ่งหลัง....โอกาสสกอร์ของสองทีมนั้นมีอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่มีทั้งจบไม่คม และการเซฟของ เมนดี รวมทั้ง เคลละเฮอร์ ที่เซฟจังหวะสำคัญทำให้สองทีมไม่สามารถขึ้นนำได้ นั่นเอง
ตลอด 90 นาที นี่คือคู่ชิงชนะเลิศ ที่สมศักดิ์ศรี
สองทีมใหญ่ นักเตะและโค้ชคุณภาพทั้งคู่ สู้กันอย่างสนุก รับประกันความมันห้าดาว
ทำให้เกิดความผิดพลาด ในการรับส่งบอล การเสียบอล เกิดขึ้น จากนั้นอีกฝั่งจะเปลี่ยนเกม ทรานสิชั่น แล้วได้ลุ้นประตู สร้างโอกาสสกอร์กันอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ไม่คม ไม่เด็ดขาด และแน่นอน ผู้รักษาประตูทั้งสองฝั่ง เมนดี กับ
เคลละเฮอร์ ช่วยป้องกันลูกสำคัญทำให้ไม่เสียประตู จนต้องนำไปสู่การต่อเวลา30 นาที
ช่วง30 นาที ก็เป็นช่วงก๊อกสองและสามไปแล้ว รวมทั้งความผิดพลาดที่เกิดจากความเหนื่อยล้า จุดนี้สมาธินักเตะจะเสียไปง่ายๆ หลงตำแหน่ง, ส่งบอลพลาด, ทำฟาวล์ ไม่จำเป็น
ก็มีกันทั้งสองทีม แต่ไม่เพลี่ยงพล้ำอะไรกันมากนัก
เรื่องการยิงจุดโทษ.....มันเหมือนเสี่ยงหัวก้อยแล้วละครับ
1 มิลเนอร์ (เข้า) อลอนโซ (เข้า)
2 ฟาบินโญ (เข้า) ลูกากู (เข้า)
3 ฟานไดจ์ (เข้า) ฮาแวร์ตส์ (เข้า)
4 เทร้นต์ (เข้า) เจมส์ (เข้า)
5 ซาลาห์( เข้า) จอร์จินโญ (เข้า)
6 โชต้า (เข้า) รือดิเก้อ (เข้า)
7 โอริกิ (เข้า) ก็องเต้ (เข้า)
8 รอบโบ (เข้า) แวร์เนอร์ (เข้า)
9 เอลเลียตต์ (เข้า) ติอาโก ซิลวา (เข้า)
10 โกนาเต (เข้า) ชาโลบาห์ (เข้า)
11 เคลละเฮอร์ (เข้า) เกปา (ไม่เข้า)
ดรามา มันมันเกิดขึ้นกับคู่ที่ 11
เคลละเฮอร์ ที่เล่นถ้วยนี้มาตลอด ได้ลงตัวจริงเพราะโค้ชไว้ใจและเชื่อ
เกปา ที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศจากการลงเล่นทุกนัดมีเซฟจุดโทษสองรอบแรกด้วย
โค้ชไม่ไว้ใจไม่ให้ลงนัดชิง มาใช้ช่วงยิงจุดโทษ
เคลละเฮอร์ ตอบแทนความไว้ใจ คลอปป์ ด้วยการยิงเข้า
ส่วนเกปา ยิงข้ามคาน.......
กระนั้นก็ตามครับ....ถือว่าสมศักดิ์ศรี สำหรับการเป็นแชมป์
เพราะสองทีมนี้ใครแชมป์ก็ได้เลยครับ
เล่นด้วยคุณภาพทั้งคู่.....
ที่สำคัญนี่คือถ้วยแรกในเวมบลีย์ ของ เจอร์เก้น คลอปป์ หลังจากอกหักจากแชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยดอร์ทมุนด์ และแพ้ แมนฯซิตี้ เมื่อปี 2016
บทสรุป....ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก คัพ (คาราบาว) สมัยที่ 9 มากสุดในเกาะอังกฤษ
แชมป์ลีก คัพ ใบนี้ทำให้ลิเวอร์พูลคว้า ถ้วยที่ 66 ทุกรายการรวมแชริตี ชิลด์ ด้วย
มากสุดในเกาะอังกฤษเท่ากับแมนฯยูไนเต็ดครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น