แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก? ต่อไปคือสถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ผ่านไป 5 นัด: Finalgoal.com
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก? ต่อไปคือสถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ผ่านไป 5 นัด: Finalgoal.com
เชลซี กับ ลิเวอร์พูล สะสมได้ 13 แต้มเท่ากัน ด้วยสถิติชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0 ได้ 12 ประตู เสีย 1 ประตูเท่ากัน ผลต่างประตูได้-เสีย +11 ประตู Finalgoal
ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สะสมได้ 13 แต้ม ด้วยสถิติชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0 ได้ 13 ประตู เสีย 5 ประตู ผลต่างประตูได้-เสีย +8 ประตู
แต่ไอ้ที่ "สิงห์บลูส์" นำเป็นจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เพราะตัวอักษร C (Chelsea) มาก่อน L (Liverpool) เพียงอย่างเดียว
เพราะตามกติกาของพรีเมียร์ลีกฉบับปรับปรุงใหม่ล่าสุด เมื่อปี 2019 หากสถิติเท่ากันทุกอย่างทั้งคะแนน, ผลต่างประตูได้เสีย, ประตูได้ และเฮด ทู เฮด เขาจะใช้กฎการยิงประตูของทีมเยือน (อะเวย์โกล) ซึ่งทั้ง 2 ทีมก็ทำได้ 6 ประตูเท่ากันอีก
เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี จบลงด้วยการเสมอ 1-1 ซึ่งเกิดขึ้นที่ แอนฟิลด์ ลูกทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล จึงถือว่าได้ประตูทีมเยือนได้มากกว่า "หงส์แดง" ด้วยประการฉะนี้ บ้านผลบอล goal
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
สำหรับ "แชมป์เก่า" และ "เต็งหนึ่ง" อย่าง แมนฯ ซิตี้
พวกเขาชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 สะสมได้ 10 แต้ม อยู่ในอันดับ 5 ของตาราง ตามหลังทีมอันดับ 4 อย่าง ไบรท์ตัน อยู่ 2 แต้ม
ช่วงต้นฤดูกาลแบบนี้อาจมีทีมขนาดเล็ก หรือทีมขนาดกลางๆ หรือทีมวรรณะต่ำที่ออกตัวได้เร็วแรงจนขึ้นไปอยู่บนหัวตาราง
อันนี้ถือเป็นเรื่องปกติของฟุตบอลลีก ต่อเมื่อระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทีมประเภทนี้ก็จะค่อยๆ อ่อนกำลังลงไปเอง ยกเว้น
เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2015-16
ไบรท์ตัน จึงไม่ต่างจากพญาคชสารที่ขึ้นไปแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันอยู่บนยอดไม้
ไม่มีใครรู้ว่ามันทะลึ่งปีนขึ้นไปได้อย่างไร แต่ที่รู้ๆ คือเดี๋ยวมันก็จะตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกเอง
เบื้องต้นจึงค่อนข้างชัดเจนว่าฤดูกาลนี้เป็นการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันระหว่าง 4 ทีมระดับศักดินาพญายักษ์อย่าง เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และแมนฯ ยูไนเต็ด บ้านผลบอลภาษาไทย
ทีนี้มาผ่าฟอร์มการเล่นของทั้ง 4 ทีมตัวเต็งกันแบบคร่าวๆ ดูบ้าง
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
หลังจากผ่านไป 5 นัดแรก ฟอร์มการเล่นไฉไลที่สุดคือจ่าฝูงร่วมกันอย่าง เชลซี กับ ลิเวอร์พูล
แม้นสถิติของทั้งคู่จะเท่ากันทุกอย่าง เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นที่เปล่งปลั่งอย่างน่าสยดสยอง ทว่าถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดปลีกย่อย คุณจะพบกับความแตกต่างกันเล็กน้อย
พลพรรคหงส์แดงโชว์ฟอร์มเหนือกว่าคู่แข่งของตัวเองทุกนัดพลางบุกกระหน่ำอยู่เพียงข้างเดียว โดยไม่มีเกมไหนที่พวกเขาครองบอลน้อยกว่าคู่แข่งเลย
ต่อเมื่อลงลึกไปในรายละเอียดของแต่ละเกมก็จะพบกับข้อแตกต่างกันดังต่อไปนี้
1. เกมที่เสมอ เชลซี 1-1 มันให้ความรู้สึกพวกเขาเหมือนทำหลุดมือไป 2 แต้มอย่างน่าเสียดาย เพราะนอกจากจะเล่นในบ้าน ยังมีตัวผู้เล่นมากกว่าทีมเยือนถึง 45 นาที
ในทางกลับกัน มันเหมือน เชลซี รอดพ้นจากความปราชัยได้อย่างหวุดหวิด
ดังฉะนั้น 1 แต้มของ "สิงห์บลูส์" จึงเป็น 1 แต้มที่ใหญ่กว่า
2. เชลซี เจอคู่แข่งที่ยากกว่า
เมื่อตัดเกมที่เจอกันเองออกไป ลิเวอร์พูล พบกับคู่แข่งอย่าง นอริช, เบิร์นลี่ย์, ลีดส์ และคริสตัล พาเลซ ขณะที่ เชลซี เจอคู่แข่งอย่าง คริสตัล พาเลซ, อาร์เซน่อล, แอสตัน วิลล่า และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
ปืนโต, สิงห์ผยอง และคลับไก่ เป็นทีมที่คุณภาพและชาติตระกูลสูงกว่า นอริช, เบิร์นลี่ย์ และบางทีอาจรวมถึง ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ
13 แต้มของ เชลซี จึงเป็น 13 แต้มที่เหมือนจะมีคุณค่ามากกว่า 13 แต้มของ ลิเวอร์พูล ในทางความรู้สึกอย่างไรก็ตาม
เครื่องจักรสีแดงผู้อหังการแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่สูง และการเล่นอันเป็นระบบ
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
เท่านั้นไม่พอยังอุดมด้วยความหื่นกระหายในความสำเร็จอีกต่างหาก
เกมรุกก็ดุดันและกะซวกไส้ดีนักแลแบบไม่มีเกียร์ถอยหลัง ขณะที่เกมรับเหนียวแน่น และเสียประตูยากด้วยกองหลังที่คุณภาพสูง
ประตูเดียวที่ถูกคู่แข่งแย่งไปในฤดูกาลนี้เกิดจากลูกเซ็ตพีซ - หมายความว่ายังไม่มีทีมได้กะซวกตาข่ายพวกเขาได้จากการเล่นแบบ "โอเพ่นเพลย์"
เกมรับแข็งแกร่งขึ้นจากการกลับมาของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ นอกจากนี้ยังมีเซ็นเตอร์แบ็คที่ไว้ใจได้อย่าง โฌแอล มาติ๊ป, อิบราฮิมา โกนาเต้ และโจ โกเมซ ที่คุณภาพใกล้เคียงกันบวกด้วยมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ฟาบินโญ่
เกมรับและเกมรุกจึงสมดุลย์กัน
เชลซี ก็มีจุดเด่นที่เกมรับนะครับ-ขอบอก
เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการมาของ โธมัส ทูเคิ่ล
นับตั้งแต่กุนซือชาวด๊อยช์ลันด์ผู้นี้มาคุมทีมแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด เขาปรับระบบการเล่นเป็น "หลังสาม" เพื่อแก้ปัญหาการรั่วไหลของประตูโดยเฉพาะ
ผลปรากฏว่าเพิ่งเสียไปแค่ 14 ประตูเท่านั้นจากการลงเล่น 24 นัดในพรีเมียร์ลีก
แถมรักษา "คลีนชีต" ได้ถึง 15 นัด !!!
เมื่อเกมรับมีความเหนียวแน่นมากขึ้น ฤดูกาลนี้จึงแก้ปัญหาเกมรุกด้วยศูนย์หน้าตัวใหม่อย่าง โรเมลู ลูกากู
ด้วยขุมกำลังที่มีขนาดใหญ่และยาว ผู้เล่นตัวจริงกับตัวสำรองมีคุณภาพใกล้เคียงกัน
เชลซี จึงเหนือกว่า ลิเวอร์พูล เล็กน้อย ณ ตอนนี้ในมุมมองของผม
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ที่ถึงตอนนี้ทำคะแนนหล่นหายไปแล้ว 5 แต้ม
ด้วยโทษฐานที่เป็น "แชมป์เก่า" ทำให้พวกเขาเจองานที่ยากและลำบากมากยิ่งขึ้นเหมือน "แชมป์เก่า" ทีมอื่นๆ รวมถึงตัวพวกเขาเองด้วย เพราะคู่แข่งจะระมัดระวังพลางเน้นหนักเป็นพิเศษ
สโมสรสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์เป็นอีกทีมที่ครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งทุกนัด แน่นอนว่าบุกมากกว่า เช่นเดียวกับที่มีโอกาสทำประตูมากกว่าคู่แข่งตลอดทั้ง 5 เกมที่ผ่านมาด้วย
สิ่งที่น่าสังเกตคือบทจะยิงไม่ได้ ทำอย่างไรก็ยิงไม่ได้ แม้จะมีโอกาสมากมายก็ตาม
เกมแรกที่พ่าย สเปอร์ส 0-1 ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสทำประตูทั้งหมด 13 ครั้ง
เกมล่าสุดที่ทำได้แค่เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยสกอร์ 0-0 พวกเขามีโอกาสทำประตูทั้งหมด 9 ครั้ง
ขอโทษ...คือมันตรงกรอบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น !!!
ย้ำว่าเพียง 1 ครั้ง
ย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว
แมนฯ ซิตี้ ก็ออกตัวไม่ค่อยจะโสภานักนะครับคุณ
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
พวกเขาเก็บได้แค่ 8 แต้มจาก 5 นัดแรก โดยแพ้ 1 นัด และหลุดเสมอไป 2 ก่อนเครื่องจะค่อยๆ ร้อนแล้วกอบโกยแต้มพลางพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งแบบไม่มีคู่แข่ง เพราะเล่นทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่นตั้งแต่เดือนมีนาคม
นั่นแสดงให้เห็นว่าในระยะยาว แมนฯ ซิตี้ ยังเป็นทีมที่น่าขามเกรงแบบสุดฤทธิ์ หากเครื่องติดเมื่อไหร่บอกได้คำเดียวครับว่า...ยาว
สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องสถิติบางอย่าง
การแพ้ตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาลไม่ใช่เรื่องอาถรรพย์อะไรแน่นอน หากสถิติที่ผ่านมาดันบันทึกว่ามีเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้นที่แชมป์พรีเมียร์ลีกพุ่งชนความปราชัยในนัดเปิดสนาม โดยทั้ง 3 ครั้งเกิดขึ้นกับทีมเดียวกันอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด
นอกนั้นไม่เคยมีทีมใดในพรีเมียร์ลีกที่แพ้ตั้งแต่นัดแรกแล้วเดินทางไปถึงตำแหน่งแชมป์เลยนะครับ
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่บอกว่าทำไมถึงเกิด "อุบัติเหตุ" ขึ้นกับ แมนฯ ซิตี้ 2 ครั้งแล้วจาก 5 เกมแรกของฤดูกาล
สุดท้ายมาดู แมนฯ ยูไนเต็ด
5 นัดที่ผ่านมา พลพรรคปีศาจแดงระเบิดฟอร์มการเล่นอันเปล่งปลั่งอย่างน่าสยดสยองออกมามากที่สุดเพียงนัดเดียวในเกมเปิดฤดูกาลที่ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด 5-1 นั่นแหละ
นาทีต่อมาความร้อนแรงของพวกเขาก็ตกลงไปจนทำได้แค่เสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ตามมาด้วยการบุกไปชนะ วูล์ฟส์ บนความกระท่อนกระแท่นยิ่งนัก ก่อนอาการจะกระเตื้องขึ้นจากการมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเกมเปิดบ้านอัด นิวคาสเซิ่ล 4-1
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
ในการศึกครั้งล่าสุดที่อุดมด้วยความดราม่าเหมือนบทละครลูกหนังที่บ้าๆ บอๆ
ฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถือว่าไฉไลในระดับหนึ่ง
เกมรับดูเหมือนจะเหนียวแน่นขึ้นจากการมาของ ราฟาแอล วาราน
กองหลังชาวฝรั่งเศสผู้นี้ช่วยให้เกมรับของปีศาจแดงมีความเย็นยะเยือกมากขึ้นจริง - มากกว่าตอนที่ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จับคู่กันในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งจะว่าไปมันก็ดูขัดแย้งกันชอบกล เพราะถ้ามองด้วยตาเปล่า เราจะเห็นว่าเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความนิ่งขึ้นเยอะ
เหตุไฉนถึงทำอะไรที่พากย์อังกฤษว่า "คลีนชีต" ได้แค่เกมเดียว แถมเกมนั้นอาจมองได้ว่าเป็นเพราะคู่แข่งของพวกเขายิงทิ้งยิงขว้างเองซะด้วย
เกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นทุกนัด
ประตูแรกที่เสียในฤดูกาลนี้ พวกเขาปล่อยให้ ลุค อายลิ่ง ของ ลีดส์ มีทั้งพื้นที่และเวลามากมายในการตะบันแบบเน้นๆ ก่อนที่เหตุการณ์แบบเดียวกันจะบังเกิดขึ้นอีกครั้งในเกมล่าสุดที่ ซาอิด เบนราห์มา มีทั้งพื้นที่และเวลาในการตะบันให้ เวสต์แฮม ขึ้นนำไปก่อน
เกมเสมอนักบุญ ก็เป็น เฟร็ด ที่ทำเข้าประตูตัวเองซะอย่างนั้น
แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก?
เกมถล่ม สาลิกาดง พวกเขาถูกตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะสวนกลับ เมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ชิงจังหวะสกัดบอลผิดพลาดบริเวณกลางสนามกลายเป็นการเข้าพรวดจนคู่แข่งหลุดมายิง
เข้าใจว่าน่าจะเพราะการไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับขนานแท้และคุณภาพเหมือน เชลซี ที่มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ - ลิเวอร์พูล ที่มี ฟาบินโญ่ และแมนฯ ซิตี้ ที่มีทั้ง แฟร์นานดินโญ่ และโรดรี้
ฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ค่อยเสถียรสักเท่าไหร่ เดี๋ยวดี-เดี๋ยวร้าย ผีเข้า-ผีออก กรุณาอย่าเถียง
รูปแบบการเล่นก็ยังไม่ค่อยชัดเจน เท่าที่เห็นคือเน้นเกมรุกแบบไม่ผลีผลาม เร็วบ้าง ช้าบ้าง โดยรวมแล้วยังปราศจากความกล้าได้และกล้าเสีย
บ่อยครั้งที่เอาตัวรอดด้วยคุณภาพของผู้เล่นที่สูงกว่าคู่แข่งมากกว่าเล่นอย่างเป็นระบบ
หากต้องแก่งแย่ง แข่งขัน ห้ำหั่น และเชือดเฉือนกันในระยะยาวจึงน่าเป็นห่วงมิใช่น้อย
ว่าแล้วขอมองโลกเป็นสีชมพู
ขนาด 3 วันดี 4 วันไข้แบบนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังอุตส่าห์สะสมแต้มได้เท่ากับ เชลซี และ ลิเวอร์พูล แถมยิงประตูได้มากกว่า เลยครับคุณ !!!
แล้วถ้ามีความคงเส้นคงวา มันจะขนาดไหน-คิดเอา ???
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น